5 เทคนิคคู่มือการแต่งบ้านไม่ตกเทรนด์

2-2

1.เทคนิคการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล

ใช้สีที่เป็นกลาง (Neutral Colors)
ลือกใช้สีที่เป็นกลาง: เช่น สีขาว, สีเทา, สีเบจ หรือสีครีม เป็นสีหลักในบ้าน เพื่อสร้างความรู้สึกสบายตาและเรียบง่าย
สีพื้นฐาน: ใช้สีที่เป็นกลางในผนัง, พื้น และเฟอร์นิเจอร์หลัก
เพิ่มสีสันเล็กน้อย: ใช้สีสันที่โดดเด่นเล็กน้อยในของตกแต่ง เช่น หมอน, พรม หรือรูปภาพ

ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่าย (Simple Furniture)
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เรียบง่าย: หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่มีลวดลายซับซ้อนหรือรายละเอียดมากเกินไป
เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น โซฟาเบด, โต๊ะที่มีช่องเก็บของ

จัดพื้นที่ให้โปร่งโล่ง (Open Space)
จัดพื้นที่ให้โล่ง: หลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่มากเกินไป ทำให้บ้านดูกว้างขวางและโปร่งสบาย
ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขาโปร่ง: เช่น โต๊ะ, เก้าอี้ หรือโซฟาที่มีขาสูง เพื่อให้ดูโปร่งและไม่หนักแน่น


ใช้แสงธรรมชาติ (Natural Light)
เพิ่มแสงธรรมชาติ: ใช้ผ้าม่านบางเบาเพื่อให้แสงธรรมชาติสามารถเข้ามาในบ้านได้มากที่สุด
ใช้กระจก: กระจกช่วยเพิ่มแสงและทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น

เก็บของให้เป็นระเบียบ (Organized Storage)
ใช้พื้นที่เก็บของที่ซ่อน: เช่น ตู้เก็บของ, ลิ้นชักใต้เตียง หรือชั้นวางของที่มีบานปิด เพื่อให้บ้านดูเรียบร้อย
เก็บของให้เป็นระเบียบ: ใช้กล่องเก็บของ, ตะกร้า หรือถังเก็บของที่มีดีไซน์เรียบง่าย

เลือกใช้ของตกแต่งที่มีความหมาย (Meaningful Decor)
เลือกของตกแต่งที่มีความหมาย: เช่น รูปภาพครอบครัว, ของสะสม หรือของที่มีความทรงจำดีๆ

ใช้ของตกแต่งน้อยชิ้น: เลือกใช้ของตกแต่งเพียงไม่กี่ชิ้นที่มีความหมายและตรงกับสไตล์มินิมอล

ใช้วัสดุธรรมชาติ (Natural Materials)
เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ: เช่น ไม้, หิน หรือผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและความเป็นธรรมชาติให้กับบ้าน

ใช้พืชตกแต่ง: เพิ่มพืชสีเขียวเล็กๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่นและเป็นธรรมชาติ

สรุป
การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเป็นการสร้างบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่สวยงาม มีความเป็นระเบียบและสะอาดตา การใช้สีที่เป็นกลาง, เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่าย, การจัดพื้นที่ให้โปร่งโล่ง, แสงธรรมชาติ, การเก็บของให้เป็นระเบียบ, ของตกแต่งที่มีความหมาย และวัสดุธรรมชาติ จะช่วยสร้างบ้านที่มีความเป็นมินิมอลและน่าอยู่ค่ะ

3

2.เทคนิคการแต่งบ้านสไตล์มูจิ

ใช้สีที่เป็นกลางและอบอุ่น (Neutral and Warm Colors)

เลือกใช้สีที่เป็นกลาง: เช่น สีขาว, สีเทา, สีเบจ และสีครีม เพื่อสร้างความรู้สึกสบายตาและสงบ

ใช้สีอบอุ่น: เพิ่มความอบอุ่นด้วยสีไม้ธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาลอ่อนของไม้เบิร์ชหรือโอ๊ค

ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและมีฟังก์ชัน (Simple and Functional Furniture)
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เรียบง่าย: เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายสะอาดและเรียบง่าย

เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันหลายอย่าง: เช่น เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของใต้เตียง โต๊ะที่สามารถพับเก็บได้ หรือโซฟาที่มีช่องเก็บของ

เน้นความโปร่งโล่งและการจัดระเบียบ (Open Space and Organization)
จัดพื้นที่ให้โปร่งโล่ง: หลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่มากเกินไป เพื่อให้พื้นที่ดูกว้างขวางและโปร่งสบาย

การจัดระเบียบ: ใช้กล่องเก็บของ, ชั้นวางของ และตู้เก็บของที่มีดีไซน์เรียบง่าย เพื่อเก็บของให้เป็นระเบียบ

ใช้แสงธรรมชาติและแสงไฟที่นุ่มนวล (Natural Light and Soft Lighting)

เพิ่มแสงธรรมชาติ: ใช้ผ้าม่านบางเบาหรือมู่ลี่ไม้เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มากที่สุด

ใช้แสงไฟที่นุ่มนวล: เลือกใช้ไฟที่มีแสงสีเหลืองนวลหรือไฟที่สามารถปรับความสว่างได้ เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย

วัสดุธรรมชาติ (Natural Materials)
ใช้วัสดุธรรมชาติ: เช่น ไม้, หิน, ผ้าฝ้าย, และผ้าลินิน เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติและความอบอุ่นให้กับบ้าน

ใช้พืชตกแต่ง: เพิ่มพืชสีเขียวเล็กๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่นและเป็นธรรมชาติ

ของตกแต่งที่มีความหมาย (Meaningful Decor)
เลือกของตกแต่งที่มีความหมาย: เช่น รูปภาพครอบครัว, ของสะสม หรือของที่มีความทรงจำดีๆ

ใช้ของตกแต่งน้อยชิ้น: เลือกใช้ของตกแต่งเพียงไม่กี่ชิ้นที่มีความหมายและตรงกับสไตล์มูจิ

ผ้าม่านและพรม (Curtains and Rugs)
เลือกผ้าม่านบางเบา: ใช้ผ้าม่านสีขาวหรือสีเบจที่บางเบาเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มากที่สุด

พรมที่เรียบง่าย: ใช้พรมที่มีดีไซน์เรียบง่ายและสีที่เป็นกลาง เช่น สีขาว สีเทา หรือสีน้ำตาลอ่อน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้าน

สรุป
การแต่งบ้านสไตล์มูจิเป็นการผสมผสานความเรียบง่ายและความอบอุ่น เน้นการใช้สีที่เป็นกลางและอบอุ่น, เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและมีฟังก์ชัน, การจัดพื้นที่ให้โปร่งโล่งและการจัดระเบียบ, แสงธรรมชาติและแสงไฟที่นุ่มนวล, วัสดุธรรมชาติ, ของตกแต่งที่มีความหมาย และการใช้ผ้าม่านและพรมที่เรียบง่าย จะช่วยสร้างบ้านที่มีความเป็นมูจิและน่าอยู่ค่ะ

3.เทคนิคการแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น

ใช้สีที่เรียบง่ายและตัดกัน (Simple and Contrasting Colors)
เลือกใช้สีที่เป็นกลาง: เช่น สีขาว สีเทา สีดำ และสีเบจ

เพิ่มสีสันตัดกัน: ใช้สีที่ตัดกันเพื่อเพิ่มความโดดเด่น เช่น การใช้สีดำและขาว หรือการใช้สีพื้นฐานร่วมกับสีสันสดใส เช่น สีแดง สีเหลือง หรือสีน้ำเงิน

ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ทันสมัย (Modern Furniture)
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายเรียบง่าย: เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ทันสมัยและมีเส้นสายที่สะอาด

วัสดุที่ทันสมัย: ใช้วัสดุเช่น โลหะ, กระจก, ไม้เนื้อแข็ง, และหนัง เพื่อเพิ่มความทันสมัย

จัดพื้นที่ให้เป็นระเบียบและโปร่งโล่ง (Organized and Open Space)
จัดพื้นที่ให้โล่ง: ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่น้อยชิ้นและจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้พื้นที่ดูกว้างขวาง

การจัดเก็บที่เป็นระเบียบ: ใช้ชั้นวางของที่มีดีไซน์ทันสมัยและกล่องเก็บของที่มีสไตล์


ใช้แสงธรรมชาติและแสงไฟที่ทันสมัย (Natural and Modern Lighting)
เพิ่มแสงธรรมชาติ: ใช้หน้าต่างขนาดใหญ่หรือกระจกเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มากที่สุด

ไฟที่ทันสมัย: เลือกใช้ไฟที่มีดีไซน์ทันสมัย เช่น โคมไฟแบบแขวน โคมไฟ LED หรือไฟแบบฝังในเพดาน

ใช้วัสดุที่มีความเรียบง่ายและทันสมัย (Simple and Modern Materials)
วัสดุที่เรียบง่าย: ใช้วัสดุเช่น โลหะ, กระจก, หินอ่อน, และไม้เนื้อแข็งที่มีพื้นผิวเรียบ

การตกแต่งที่น้อยชิ้น: ใช้ของตกแต่งที่มีดีไซน์เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน

ผนังและพื้น (Walls and Floors)
ผนังที่เรียบง่าย: ใช้ผนังที่มีสีเรียบง่ายหรือมีการตกแต่งน้อยชิ้น เช่น ผนังสีขาวหรือสีเทา

พื้นไม้หรือพื้นลามิเนต: ใช้พื้นไม้เนื้อแข็งหรือพื้นลามิเนตที่มีสีเข้มเพื่อเพิ่มความทันสมัย

ของตกแต่งที่ทันสมัยและมีความหมาย (Modern and Meaningful Decor)

ของตกแต่งที่ทันสมัย: ใช้ของตกแต่งที่มีดีไซน์ทันสมัย เช่น รูปภาพศิลปะสมัยใหม่, กระจกเงา, หรือของตกแต่งที่ทำจากโลหะ

ของตกแต่งที่มีความหมาย: เลือกใช้ของตกแต่งที่มีความหมายและตรงกับสไตล์โมเดิร์น

สรุป
การแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นเน้นการใช้สีที่เรียบง่ายและตัดกัน เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ทันสมัย การจัดพื้นที่ให้เป็นระเบียบและโปร่งโล่ง การใช้แสงธรรมชาติและแสงไฟที่ทันสมัย วัสดุที่มีความเรียบง่ายและทันสมัย ผนังและพื้นที่มีดีไซน์เรียบง่าย และของตกแต่งที่ทันสมัยและมีความหมาย จะช่วยสร้างบ้านที่มีความเป็นโมเดิร์นและน่าอยู่ค่ะ

5

4.เทคนิคการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ

ใช้สีที่อ่อนนุ่มและคลาสสิก (Soft and Classic Colors)
เลือกใช้สีที่อ่อนนุ่ม: เช่น สีขาว สีเบจ สีครีม สีพาสเทล สีฟ้าอ่อน หรือสีชมพูอ่อน เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสบายตา

ใช้สีที่คลาสสิก: สีทอง สีเงิน สีบรอนซ์ เพิ่มความหรูหราและเสน่ห์ให้กับบ้าน

ใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าและมีเอกลักษณ์ (Vintage Furniture)
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์คลาสสิก: เช่น โซฟาที่มีการแกะสลัก โต๊ะไม้เก่า หรือเก้าอี้ที่มีการบุผ้าแบบดั้งเดิม

เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้: ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีการทาสีหรือขัดเงา

ใช้ของตกแต่งที่มีความหมายและเป็นเอกลักษณ์ (Meaningful and Unique Decor)

ของตกแต่งที่มีเรื่องราว: เช่น นาฬิกาเก่าๆ ภาพถ่ายขาวดำ หรือของสะสมที่มีความหมาย

ของตกแต่งที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ: เช่น กระจกเก่า ไม้ หรือเหล็ก

ใช้ผ้าคลุมและหมอนที่มีลวดลาย (Patterned Textiles)
เลือกใช้ผ้าที่มีลวดลายดอกไม้: ผ้าคลุมโซฟา หมอนอิง หรือผ้าม่านที่มีลวดลายดอกไม้หรือแพทเทิร์นแบบวินเทจ

ผ้าที่มีพื้นผิวหลากหลาย: เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้ากำมะหยี่

ใช้โคมไฟและแสงไฟที่มีดีไซน์วินเทจ (Vintage Lighting)

เลือกใช้โคมไฟที่มีดีไซน์คลาสสิก: เช่น โคมไฟแบบแขวน โคมไฟตั้งโต๊ะ หรือโคมไฟติดผนังที่มีการออกแบบแบบเก่า

ใช้แสงไฟที่อบอุ่น: เลือกใช้หลอดไฟที่มีแสงสีเหลืองนวล เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น

ใช้วอลเปเปอร์ที่มีลวดลาย (Patterned Wallpaper)

เลือกวอลเปเปอร์ที่มีลวดลายดอกไม้หรือแบบดั้งเดิม: วอลเปเปอร์ที่มีลวดลายละเอียดและสีอ่อนช่วยเพิ่มความวินเทจให้กับบ้าน

ผนังที่ทาสีด้วยสีคลาสสิก: เช่น สีขาว สีครีม หรือสีพาสเทล

ใช้ของตกแต่งที่มีความละเอียดและปราณีต (Detailed Decor)

เลือกของตกแต่งที่มีความละเอียด: เช่น กระจกที่มีการแกะสลัก กรอบรูปที่มีรายละเอียด หรือชั้นวางของที่มีการแกะสลัก
การใช้ของตกแต่งที่มีการทำด้วยมือ: เช่น เครื่องปั้นดินเผา ผ้าปัก หรือของตกแต่งที่ทำจากงานฝีมือ


สรุป
การแต่งบ้านสไตล์วินเทจเน้นการใช้สีที่อ่อนนุ่มและคลาสสิก เฟอร์นิเจอร์เก่าและมีเอกลักษณ์ ของตกแต่งที่มีความหมายและเป็นเอกลักษณ์ ผ้าคลุมและหมอนที่มีลวดลาย โคมไฟและแสงไฟที่มีดีไซน์วินเทจ วอลเปเปอร์ที่มีลวดลาย และของตกแต่งที่มีความละเอียดและปราณีต จะช่วยสร้างบรรยากาศที่คลาสสิกและอบอุ่นให้กับบ้านของคุณค่ะ

6

5.เทคนิคการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์

ใช้วัสดุอุตสาหกรรม (Industrial Materials)
อิฐ: ใช้ผนังอิฐเปลือยเพื่อเพิ่มความดิบเท่และความเป็นธรรมชาติ
คอนกรีต: ใช้พื้นคอนกรีตหรือผนังคอนกรีตเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดิบและทันสมัย
โลหะ: ใช้โครงสร้างเหล็กหรือของตกแต่งที่ทำจากโลหะ เช่น ชั้นวางของ โต๊ะ หรือโคมไฟ

เน้นความโปร่งโล่ง (Open Space)
พื้นที่เปิดโล่ง: หลีกเลี่ยงการใช้ผนังกั้นระหว่างห้อง เพื่อให้พื้นที่ดูกว้างขวางและโปร่งสบาย

เพดานสูง: ใช้เพดานสูงเพื่อสร้างความรู้สึกที่กว้างขวางและโอ่อ่า

ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เรียบง่ายและดิบเท่ (Simple and Raw Furniture)
เฟอร์นิเจอร์ไม้และเหล็ก: เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้และเหล็ก เช่น โต๊ะไม้ขาเหล็ก หรือเก้าอี้โลหะ
เฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสายเรียบง่าย: ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน

ใช้สีที่เป็นกลางและดิบเท่ (Neutral and Raw Colors)
สีที่เป็นกลาง: เช่น สีขาว สีเทา สีดำ และสีน้ำตาล เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดิบเท่และทันสมัย

การเพิ่มสีสันเล็กน้อย: ใช้สีสันที่สดใสเป็นจุดๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ เช่น หมอน, พรม หรือของตกแต่ง

ใช้แสงธรรมชาติและแสงไฟที่ดิบเท่ (Natural and Industrial Lighting)
แสงธรรมชาติ: ใช้หน้าต่างขนาดใหญ่หรือกระจกเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มากที่สุด

โคมไฟสไตล์อุตสาหกรรม: เลือกใช้โคมไฟที่ทำจากโลหะหรือมีดีไซน์ดิบเท่ เช่น โคมไฟแขวน โคมไฟตั้งโต๊ะ หรือโคมไฟติดผนัง

การตกแต่งผนังและพื้น (Wall and Floor Decor)

ผนังเปลือย: ใช้ผนังที่ไม่มีการทาสีหรือปิดทับ เช่น ผนังอิฐ ผนังคอนกรีต หรือผนังไม้

พื้นไม้หรือคอนกรีต: ใช้พื้นไม้หรือคอนกรีตเพื่อเพิ่มความดิบเท่และความเป็นธรรมชาติ

การใช้ของตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ (Unique Decor)

ของตกแต่งที่ทำจากวัสดุอุตสาหกรรม: เช่น ของตกแต่งที่ทำจากเหล็ก, ท่อโลหะ หรือเครื่องจักร

การใช้ภาพศิลปะหรือกราฟฟิตี้: ติดตั้งภาพศิลปะหรือกราฟฟิตี้ที่มีดีไซน์ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์

 

สรุป
การแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์เน้นการใช้วัสดุอุตสาหกรรม เช่น อิฐ คอนกรีต และโลหะ การจัดพื้นที่ให้โปร่งโล่ง การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เรียบง่ายและดิบเท่ การใช้สีที่เป็นกลางและดิบเท่ แสงธรรมชาติและโคมไฟสไตล์อุตสาหกรรม การตกแต่งผนังและพื้นที่ดิบเท่ และการใช้ของตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดิบเท่และทันสมัยให้กับบ้านของคุณค่ะ

ใส่ความเห็น